ตัวอย่างหนัง สวัสดีสาวๆ ที่น่ารักทุกๆ คน ช่วงนี้เรากลับไปดูหนัง Romantic Drama เก่าๆ หลายเรื่อง ทำให้ฉุกคิดขึ้นว่าชีวิตรักคนเรานั้น มักเกิดขึ้นจากความไม่มีเหตุผล และง่ายไปหมด แต่สุดท้ายในวันที่ต้องลาจาก มันกลับยากเย็นและมีเหตุผลมากมายเหลือเกิน และด้วยแบบนี้ หนังออนไลน์ใหม่ ทำให้เราเกิดปิ๊ง! ไอเดีย อยากแนะนำหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงของคู่ กับ “4 หนังรักที่ควรดู แนะนำ คนมีคู่ยิ่งดูยิ่งเข้าใจ!” บอกเลยว่ายิ่งดูยิ่งอิน ยิ่งดูยิ่งเข้าใจความรักในแบบผู้ใหญ่มากขึ้น อย่ารอช้า มาเริ่มกับเรื่องที่ 1 กันได้เลย
ช่วงนี้สถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ ดูน่าเคร่งเครียดและไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไร งั้นเรามาลองเติมความสนุกปนรอยยิ้มในแบบง่ายๆกันหน่อยไหม ?อย่างการดูหนังชิลๆ ที่บ้านเป็นต้น และวันนี้ Clubsister ก็มีลิสต์หนังดีๆ มาแนะนำกันอีกเช่นเคยอย่าง “แนะนำ 5 หนังรอมคอม ที่เคาะมาแล้วว่าขวัญใจคนไทยตลอดกาล” กัน ลองไปดูกันนะคะ ว่าวันนี้เรามีเรื่องอะไรมานำเสนอสาวๆ กัน บอกเลยว่าถ้าใครเป็นคอหนังรอมคอมแล้วละก็ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
หากสาวๆ คนไหนที่เป็นคอหนังรางวัล หนังดี ภาพสวย และติดตามการประกาศรางวัลออสการ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จะต้องรู้จักหนังรักที่ควรดู แนะนำเรื่องนี้เป็นแน่ เพราะนอกจากจะเป็นหนังรักที่ควรดูแล้ว หนังเรื่องนี้ยังเข้าชิงรางวัลในสาขาต่างๆ บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้น ยังเป็นหนังไม่กี่เรื่องจาก Original NETFLIX ที่เข้าชิงรางวัลอีกด้วย และจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจาก “Marriage Story” หนังรักที่ควรดู แนะนำ ที่ไม่ใช่มีดีที่แค่บท และเทคนิคการถ่ายทำ แต่เขาขนเอานักแสดงมากความสามารถและเจ้าบทบาทกับ Charlie Barber และ Scarlett Johansson ร่วมแสดงเป็นตัวเอกทั้งสองอีกด้วย
เรื่องราวพูดถึงเหตุการณ์และการตัดสินใจของ “นิโคล” ที่อยากจะขอหย่ากับสามีของเธอ “ชาลี” ในห้องรับคำปรึกษาปัญหาชีวิตคู่กับนักบำบัด โดยนิโคลเป็นนักแสดงละครเวทีให้กับโรงละครที่ชาลีเป็นผู้กำกับอยู่ แต่ทว่ายิ่งอยู่กันไป ยิ่งรู้สึกถึงความสุขน้อยลง ทั้งคู่จึงตัดสินใจว่าหย่า เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่และใช้ชีวิตใครชีวิตมันตามที่ฝันที่วาดเอาไว้ แต่ทว่าในการหย่านั้น มันไม่ได้ง่ายเหมือนตอนแต่ง ทำให้ทั้งคู่ต้องผ่านเรื่องราวและนึกย้อนถึงความสุขที่ตนเคยมีมา เราขอบอกเลยว่าถึงแม้เราจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่สำหรับหนังรักที่ควรดู แนะนำเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้เราเศร้า ร้องไห้ เหมือนอกหักหนักมาก ไม่ใช่เพราะเสียใจกับเรื่องราวความรักที่จบลง แต่ร้องไห้เพราะเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง
เพราะก่อนที่คนเราจะมาถึงจุดนี้ จะต้องผ่านเรื่องราวและความรู้สึกต่างๆ มากมาย ในทุกคู่จะต้องมีผู้นำและผู้ตาม โดยเรื่องนี้ สื่อให้เห็นความหายของคำเหล่านี้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่นั้น สิ่งที่ทำให้เราอินกับบทได้ง่ายๆ คือ เทคนิคการถ่ายทำให้เราอินและสัมผัสความรู้สึกของแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องได้เป็นอย่างดี สุดท้ายสิ่งที่หนังต้องการบอกกับเราเลยคือ ถึงแม้ว่าตอนนี้เราไม่มีกันและกันแล้ว แต่หน้าที่หนึ่งที่เราจะละทิ้งไปไม่ได้เลยคือ การรักษาหนังที่ของการเป็นพ่อและแม่ที่ดี เพื่อให้การตัดสินใจของผู้ใหญ่สองคน ไม่กระทบเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลย
พบกับ Lady Gaga ในบทบาท Patrizia Reggiani-Gucci และ Adam Driver กับบท Maurizio Gucci ทายาทรุ่นที่ 3 ของ Gucci กับเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของครอบครัวผู้อยู่เบื้องหลังอาณาจักรแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง Gucci นำเสนอเรื่องราวในช่วง 3 ทศวรรษที่มีทั้งเรื่องความรัก, การทรยศ, ความเสื่อมโทรม, การแก้แค้น และฆาตกรรม โดยฝีมือการกำกับของ Ridley Scott
คอหนังรอมคอมหรือคอซีรีส์คอมเมดี้อเมริกัน ต้องรู้จักหนังรักที่ควรดู แนะนำเรื่องนี้เป็นอย่างแน่นอน เพราะเป็นหนังที่ถูกรีเมคมาจาก TV Series ชื่อดัง และเรื่องนี้คือ “Sex and the City – The Movie” ภาพยนตร์รอมคอม ที่ถูกสร้างจาก TV Series ที่ใช้ชื่อเดียวกัน อีกทั้งยังใช้ชื่อตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวเป็นชื่อเดียวกันอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวความรักเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนให้เห็นเรื่องราวการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ยังไงให้ลงตัวและมีความสุขมากที่สุด บอกเลยว่าเรื่องนี้ต้องถูกใจสาวๆ หลายๆ คนแน่นอน
เป็นภาพยนตร์รีเมคที่ฉายขึ้นเมื่อปี 2008 พูดถึงเรื่องราวของ 4 เพื่อนสาว ที่ผูกพันกันยาวนานมากกว่า 10 ปีอย่าง Sarah Jessica Parker นักเขียนผู้เป็นเหมือนไอดอลและต้นแบบให้กับ Urban Women ทั้งหลาย, Kim Cattrall ผู้จัดการนักแสดงสาวที่น่าจะเหมาะกับฉายาที่ว่า กระดังงาลนไฟ เป็นที่สุด, Kristin Davis แม่บ้านสาว สดใสที่แบกรับหน้าที่แม่ไว้เต็มอก และคนสุดท้าย Cynthia Nixon ทนายความสาวๆ ผู้รักความถูกต้องและหน้าที่เป็นสำคัญ
โดยเหตุการณ์ของแต่ละตัวละครนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความรักและสิ่งที่จำเป็นต้องชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว, การไว้ใจและเชื่อใจ, การแสดงออกทางความรัก รวมถึงเรื่องบนเตียง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวของคนสองคน หรือสายสัมพันธ์ในความรักนั้นแน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีก
หากจะให้ยกตัวอย่างหนังรักที่ควรดู แนะนำอีกเรื่องที่ดราม่าไม่แพ้กับเรื่องไหน เราคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ เมื่อทุกครั้งที่ได้ดู ไม่ว่าจะกี่รอบก็จะร้องไห้ให้กับฉากเดิม ความรู้สึกเดิม ได้ทุกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นหนังที่สร้างความรู้สึกหลงเหลือในใจได้เป็นอย่างดี (บอกเลยว่าใครอกหักมาหมาดๆ ไม่ควรดูเรื่องนี้) และหนังรักที่ควรดู แนะนำต่อไปคือ ” Blue Valentine” เรื่องราวความรักระหว่าง “ดีน” และ “ซินดี้” ที่ตัดสลับระหว่างช่วงที่รักยังสดใสจนถึงทางตันของความรู้สึก เมื่ออีกฝ่ายอยากเริ่มใหม่ และอีกคนที่ไม่อยากไป ทุกอย่างเลยต้องจบลง
สิ่งที่เราชอบในหนังรักที่ควรดู แนะนำเรื่องนี้ คือการเดินเรื่องและการเล่าเรื่องของหนังที่ตัดสลับระหว่างตอนรักแรกเริ่มและความเป็นจริงของตัวละครในปัจจุบัน ทำให้เราค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกที่ค่อยๆ แตกต่างของแต่ละตัวละครไปทีละเล็กละน้อย สิ่งที่เราสัมผัสได้จากหนังเรื่องนี้คือการแสดงที่ค่อนข้างสะท้อนเรื่องจริงของความรักที่เป็นอยู่ เมื่อความรักถึงทางตัน เริ่มมีปัญหา
บางคนเลือกที่จะโทษอีกฝ่ายแต่กลับไม่มองตัวเอง ไม่มองช่วงเวลาที่ผ่านมาว่ามีโอกาสให้เริ่มใหม่ได้ตลอด แต่เพียงเพราะไม่มองหรือมองไม่เห็น ส่วนบางคนเมื่อเจ็บกับความรู้สึกเดิมๆ จนมันกลายเป็นความชินชา สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะตัด เพราะอยู่ไปก็เหมือนรั้งกันไว้อยู่ดี หรือบางคนเมื่อปัญหาเริ่มเข้ามา มักไม่ยอมรับความจริงแต่กลับมองหาแต่อดีตที่เคยสุขสม จนลืมไปว่าเราควรทำและดูแลความรู้สึกของตัวเองกับคนข้างๆ ในปัจจุบันมากที่สุด
หนังแอ็กชันไซไฟเรื่องใหม่ของผู้กำกับจอมทำลายล้างโลกอย่าง Roland Emerich (Independence Day, The Day After Tomorrow และ 2012) ว่าด้วยภารกิจกอบกู้โลกของ 3 นักบินอวกาศ ซึ่งรับบทโดย Halle Berry, Patrick Wilson และ John Bradley ที่ต้องหยุดดวงจันทร์ที่หลุดวงโคจรหลังจากถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนและกำลังจะพุ่งชนโลก
และหนังรักที่ควรดู แนะนำเรื่องต่อไปนี้ เป็นอีกเรื่องที่เหมาะกับหนุ่มสาว วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ที่คบกันมายาวนานควรดูเป็นที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ปัญหาของคู่รักที่เจอส่วนมาก ไม่ได้พบเจอแค่เฉพาะคู่ที่แต่งงานและอยู่ด้วยกันแล้วเท่านั้น แต่คู่ที่รักกันมานาน รู้ใจกันมานาน ก็มีปัญหาเหมือนกัน เช่นเดียวกับเรื่องนี้ ” 6 Years”
เรื่องราวความรักที่ไม่หอมหวานของ “เมล” และ “แดน” คู่รักวัยรุ่นที่คบหาดูใจกันตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัยนาน 6 ปี ความรักของทั้งคู่ก็เหมือนความรักวัยรุ่นทั่วไปที่เต็มไปด้วยความสนุก คึกคะนอง ใช้ชีวิตในแต่ละวันแบบไม่ต้องคิดหรือมีหน้าที่อะไรต้องทำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนทุกคนต้องก้าวข้ามช่วงวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ภาระหน้าที่แต่รวมถึงจิตใจของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
หนังถ่ายทอดความรักวัยรุ่นตอนปลายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่ตัวละครทำ ความคิด ความอ่านของตัวละครแต่ละตัว โดยเฉพาะในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่วัยรุ่นตอนปลายทุกคนต้องเจอ คือการเปลี่ยนแปลงในเรื่องภาระหน้าที่ ที่ต้องก้าวจากนักเรียนไปเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลตัวเอง เพราะแบบนี้จึงทำให้เราได้เห็นว่าคู่รักหลายคู่มักมีจุดแตกหักจากเรื่องแบบนี้รองลงมาจากเรื่องนอกใจ เพราะเรามักชินกับนิสัยเดิม ๆ ในวัยเด็กที่เราอยู่ด้วยกันจนไม่แคร์อะไรนอกจากความรักระหว่างเด็กน้อย แต่เมื่อเติบโตขึ้น มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ไม่ใช่แค่คนข้าง ๆ เพียงอย่างเดียว
หนังฝรั่งเศสแนวดรามาแฟนตาซี โดยผู้กำกับ Céline Sciamma เล่าเรื่องราวของ Nelly (Joséphine Sanz) เด็กผู้หญิงที่เพิ่งสูญเสียคุณยายไปและกำลังอยู่ในช่วงทำใจยอมรับความสูญเสียนั้น พ่อแม่พาเธอไปกลับไปที่บ้านคุณยายเพื่อจัดการกับข้าวของ แต่แม่ของเธอก็หนีหายไป ก่อนที่ Nelly จะได้พบกับ Marion (Gabrielle Sanz) เด็กผู้หญิงอีกคนที่เพิ่งสูญเสียคุณยายไปเหมือนกัน ซึ่งคุณยายของ Marion ชื่อ Nelly หนังเปิดตัวครั้งแรกที่ Berlin International Film Festival ครั้งที่ 71 เมื่อมีนาคม 2021 ต่อด้วยการเข้าฉายในฝรั่งเศสเมื่อเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน
อีกครั้งกับการปรากฏตัวบนจอหนังของ Batman และครั้งนี้เป็นผลงานการกำกับของ Matt Reeves (Dawn of the planet of the apes, War of the planet of the ape Cloverfield,) ส่วนคนที่มารับบท Bruce Wayne มหาเศรษฐีหนุ่มแห่งเมืองก็อตแธมที่มีชีวิตอีกด้านเป็นอัศวินรัตติกาล ก็คือ Robert Pattinson ซึ่งจะเป็น Batman เวอร์ชั่นที่มืดหม่นและสมจริงขึ้น
หนังรักโรแมนติกจากเกาหลีใต้ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2016 ที่นำแสดงโดย กงยู และ โดยอน ในบทของผู้ชายและผู้หญิงที่ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้วและมีลูกเป็นเด็กพิเศษ ทั้งคู่เจอกันโดยบังเอิญตอนไปส่งลูกที่ค่ายเด็กพิเศษในฟินแลนด์และนำไปสู่ความสัมพันธ์ต้องห้ามในที่สุด
ผู้กำกับ Neill Blomkamp จากหนังไซไฟอย่าง District 9 (2009), Elysium (2013) และ Chappie (2015) พาวิทยาศาสตร์และความสยองขวัญมาเจอกัน ผ่านเรื่องราวของ Angela (Nathalie Boltt) ที่นอนป่วยเข้าขั้นโคม่าหลังจากก่อเหตุเผาบ้านอละฆ่าคน แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับจิตในโลกเสมือนของเธอได้ผ่านเทคโนโลยีซิมูเลชัน และ Carly (Carly Pope) ลูกสาวของเธอต้องเข้าไปในโลกเสมือนนั้นเพื่อหาสาเหตุของเรื่องทั้งหมด