Transformers 5 (2017) ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 5 : อัศวินรุ่นสุดท้าย ดูหนัง สิบปีที่ผ่านมา พวกเราได้ทราบจะกับ Autobots, Decepticons, และก็ Sam Witwicky (Shia LaBeouf) เป็นครั้งแรก สำหรับเด็กคนนึงในขณะนั้นพวกเรามีความรู้สึกว่านี่เป็นหนังที่บันเทิงใจล้ำและก็หุ่นยนต์เท่มาก ก็ติดตามมองภาคต่อๆบ่อยมา แม้จะพบว่ายิ่งมองก็ยิ่งเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แม้กระนั้นก็ทนมอง สุดแท้แต่ละภาคนี่ความยาวเฉลี่ยสองชั่วโมงครึ่งอัพทั้งหมดทั้งปวง รวมมองทั้งยังสี่ภาครวมทั้งเสียเวล่ำเวลาไปไม่น้อยกว่า 613 นาทีของชีวิต (ยังไม่นับตอนที่ภาคใหม่จะเข้าแล้วพวกเราควรมีขุดภาคก่อนๆมาดูซ้ำโน่นอีก) ถ้าเกิดรวมกับ Transformers 5: The Last Knight ด้วยอีก
ชื่อ Transformers: The Last Knight ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: อัศวินรุ่นท้ายที่สุด
จำพวก แอคชั่น / ไซไฟ / เสี่ยงภัย
ผู้กำกับ ไมเคิล เบย์
แสดงนำโดย มาร์ก วาห์ลเบิร์ก, หน้าจอช เดอเมล, สแตนลีย์ ทุชชี, แอนโทนี ฮ็อปกินส์
ความยาว 149 นาที
อัศวินรุ่นท้ายที่สุด แตกเรื่องจากสาระสำคัญของเรื่องหลักของแฟรนไชส์ทรานฟอร์เมอร์ส และก็บอกความหมายวีรบุรุษใหม่ มนุษย์รวมทั้งทรานส์ฟอร์เมอร์ส์อยู่ในการทำศึก ออพว่ากล่าวมัส จากไป การคุ้มครองอนาคตของเราขึ้นกับความลับในสมัยก่อน ที่หลบ อยู่ในประวัติศาสตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สบนโลกใบนี้ การป้องกันโลกของพวกเราตกอยู่ใน กำมือของผู้ส่งเสริมอย่าง เคด เยเกอร์ บัมเบิ้ลบี และก็เจ้าขุนมูลนายอังกฤษและก็ ศ.จ.จากอ็อกซ์ฟอร์ด
จะจุดโฟกัสไปที่ ออพว่ากล่าวมัส พงไพรม์ ออโต้บอตส์ที่กำลังกลับไปยังดาวถิ่นฐานบ้านช่องอย่าง ดาวไซเบอร์ตรอน และก็พบว่าดาวของตนได้ถูกทำลายลง ซึ่งเขานั้นก็มีส่วนที่ทำให้ดาวถูกทำลายด้วย เพื่อจะทำให้ดาวของเขากลับมาปกติสุขได้นั้นออพติเตียนมัส พงม์ ต้องตามหาวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์ รวมทั้งวัตถุที่ว่านั้นก็เชื่อมโยงไปถึง “เมอร์ลิน” บิดามดในตำนานยุคกษัตริย์อาคุณร์ด้วย แม้กระนั้นออพติเตียนมัสเสียท่า จนถึงถูก“ผู้ผลิต” (ควินเทชชั่น เชื้อสายผู้ทรงภูเขาไม่ จุดเริ่มต้นทรานฟอร์เมอร์ส ตามฉบับการ์ตูน) ทำให้เปลี่ยนเป็นศัตรูของเหล่ามนุษย์ไป
ดูอย่างกับว่าพลังมนตร์พรั่งพร้อมที่ เมอร์ลิน ได้รับนั้นมีที่มาจาก ทรานสฟอร์เมอร์ส และก็พลังนั้นก็สิงอยู่ในวัตถุชิ้นนั้นนั่นเอง หากแม้พวกเราจะยังไม่เคยทราบเนื้อหาแจ่มกระจ่างนัก แม้กระนั้นมีการคาดคะเนว่า วัตถุที่ว่านั้นบางทีอาจเกี่ยวพันกับ “กระบี่เอ็กซ์ติดอยู่ลิเบอร์” ของกษัตริย์อาคุณร์อีกด้วย
ทว่าโลกในตอนนี้ กรุ๊ปมนุษย์ได้ตั้ง “กองกำลังทหาร TRF” ขึ้นมาตามล่ารวมทั้งทำลายเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์ ด้วยเทคโนโลยีอีกทั้งหุ่นยนต์รวมทั้งโดรนที่ต่อยอดจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยซากเหล่าชาวไซเบอร์ตรอนที่ตายในการทำศึกคราวก่อนๆแถมโลกเองก็อยู่ในสภาพการณ์ตกอับเต็มที ทำให้เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) เปลี่ยนเป็นบุคคลดวงกุดที่ถูกตามล่าโดยข้างทหารรับจ้าง ในฐานะวัตถุประสงค์สำคัญจากการที่เขาเข้ามาเป็นพวกกับออโตบ็อต รวมทั้งได้เข้าช่วยเหลืออิซาเบลลา (อิซาเบลา โมเนอร์) จนถึงทำให้เขาจำเป็นต้องเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อแสวงหาตัวการของเรื่องราวทั้งสิ้น
จะมีการผูกเอาการราวของกรุ๊ปอัศวินโต๊ะกลม และก็กลุ่มสร้างยังบอกว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มแรกของการรบจักรกลบนโลกที่ใช้เวลาสร้างอีกนานต่อจากนี้เป็นต้นไปหลายสิบปี และก็ยังมีรายละเอียดแบ่งย่อยที่กำลังจะตามมา โดยยึดเอาโครงเรื่องเส้นประเด็นนี้เป็นหลัก ซึ่งแม้กระทั้งตัวของ ไมเคิล เบย์ ก็ออกมาเห็นด้วยว่าภาคก่อนหน้าอย่าง Transformers: Age of Extinction ก็มิได้เข้าที่เข้าทางมากแค่ไหนในส่วนของรายละเอียด ที่จะต้องปูบทยบาทใหม่ในจักรวาลเดิม รวมถึงการหาจุดเชื่อมโยง ราวกับเป็นการหยั่งเสียงมากยิ่งกว่า
ทรานส์ฟอร์เมอร์ส เป็นหนัง“ข้อตกลงดวงใจระหว่างแอดไม่น แล้วก็ไมเคิล เบย์” ว่า “จะตามมองทุกภาคหากว่ามันจะไม่ดีถ้วยแค่ไหนก็ตาม” และเป็นไปตามคาดจริงๆเนื่องจากหนังเต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าๆแสงสีวูบวาบ ระเบิดเขาเผากระต๊อบแบบสุดลิ่มทิ่มแทงประตู แถมยังคงความเป็น“ผู้กำกับที่ไม่อาจจะคุมรายละเอียดให้เสมอต้นเสมอปลายได้” ดังเดิม เพิ่มเติมอีกเป็น “ความสามารถที่ตกลงไปอีก”
เริ่มจากความยาวของหนังที่พี่เอ็งจัดเต็มมาให้ถึงสองชั่วโมงกับอีก 20กว่านาครั้ง พูดได้ว่า “ถ้าหากไม่ใช่ติ่งทรานส์ฟอร์มเมอร์” มีเดินออกมาจากโรงแน่ เพราะว่าพี่มึงเล่ายืดมากมาย ถึงแม้ว่าสาระสำคัญเรื่องมีกระจึ๋งเดียว แถมพอเพียงไปสู่ไคลแม็กซ์ของหนัง ทั้งหมดทุกอย่างมันมองรีบเร่ง รวบรัด ตัดบทกันชนิด “ไม่มีสายสัมพันธ์” กลับไปกลับมาง่ายอย่างยิ่ง
ข้างดีเซปว่ากล่าวคอนที่ถูกปูบทอย่างชั่วร้าย รวมทั้งมองมีอุบาย แถมด้วยซีนระดมพลลูกน้องตัวยุ่งที่มีคาแรคเตอร์น่าดึงดูด “เหมือนกับหนังรวมพลมหาคนร้าย” กลับถูกตัดในอากาศไปอย่างโชคร้ายสุดๆนี่ยังไม่รวมบทออพว่ากล่าวมัสที่มองโง่ โง่เขลาที่สุดเท่าที่เคยได้เห็น ซึ่งความโง่งมที่ชัดแจ้งที่สุดเป็น “การหาเหตุผลให้ออพว่ากล่าวมัสกลับมาเป็นตัวเอกของเรื่อง” ถึงแม้ว่าหนังแทบมิได้ขายออพว่ากล่าวมัสเลยด้วยบอกเลยว่า “มันหายนะ รวมทั้งกลวงมากกว่ามุกมาร์ธา ใน Batืman Vs Superman ด้วย!!” แต่ว่าเอาละ มันก็ทดแทนด้วยบทสนทนาจูงใจแบบเกลอๆของพี่มึงที่ฟังทีไรก็ขนลุก รวมทั้งต้องการจะจับกระบี่ไปสับเก่งเซปตำหนิคอนร่วมกับเฮียเอ็งแล้วก็พวกพ้องปืนดุจริงๆ
ส่วนดาราหนังในเรื่อง ต่างก็ปฏิบัติหน้าที่เจริญนะครับ แม้กระนั้นต้องการจะกล่าวว่า “ภายหน้าไม่ต้องเอามาร์ค วอลเบิร์ก มาเล่นแล้วนะ” เป็นบทพี่มึงถึงจะเด่น ถึงขนาดกระเป๋านผู้แสดงนำชาย แต่ว่าถ้าเกิดดูในระยะยาวแล้ว บท “เคด เยเกอร์” ไม่น่าจะไปได้ต่อแล้ว เพราะเหตุว่าทั้งหมดทุกอย่างมันมองฝ่าฝืน ตูไม่ลงตัวกับสเกลหนังในภาคนี้
รวมทั้งภาคถัดจากนี้ ส่วนตัวเห็นว่าบทสาวน้อยวัย 14 (ที่ไฟหน้าเกินวัย) คงจะไปต่อได้ บทส่ง ปูพื้นให้น้องไปได้ แถมมีลูกเล่นได้อีก 2-3ภาค ทั้งยังหุ่นจิ๋วคู่ซี้ แล้วก็หุ่นเฮดมาสเตอร์พ่อบ้านที่มีลักษณะที่เสมือนจะเลียนแบบมาจากหนังสตาร์วอร์ส ก็เป็นที่น่าจำ มากกว่าพรรคพวกออโต้บอทอีกทั้งยวง ที่ถูกลดบทให้เป็นหุ่นภาควิชาเฮฮาสามช่าบ้าพลังเพียงแค่นั้น
ส่วนแฟนคลับระดับฮาร์ดคอร์ของทรานสฟอร์เมอร์ฉบับออริจินอลการ์ตูน ที่มองเห็นผู้แสดง “ฮอทร้อด” แล้วพากัน Hype ว่าจะมาแทนออพตำหนิมัสตามแบบการ์ตูนในตำแหน่ง “โรดิมัส ไพร์ม” นั้น ขอสปอยล์นี้เลยว่าคุณจำเป็นที่จะต้องผิดหวังมากมายๆด้วยเหตุว่าฮอทรอดฉบับนี้เป็นหุ่นขี้หลีจากประเทศฝรั่งเศส ด้วยสำนวนจีบนางเอกสุดเห่ย จนถึงแปลงเป็นตัวตลกเรียกเสียงเฮมากยิ่งกว่า แล้วก็นั้นทำให้ฮอทรอด ยังไกลห่างกับตำแหน่งไพร์มอปิ้งไม่ต้องสงสัย
นี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แจ้งชัดที่สุดแล้วว่า “ไมเคิล เบย์ เป็นผู้ที่หมดไฟกับแฟรนไชส์ทรานส์ฟอรต์เมอร์แล้วอย่างแท้จริง” ในหนังไม่มีอะไรสดใหม่ให้ร้องว้าวอีกต่อไป มีแต่ว่าการนำรายละเอียดของแฟรนไชส์นี้ออกนอกสมุทรจนถึงกู่ไม่กลับ และก็ทิ้งภาระหน้าที่ให้ผู้กำกับคนใหม่ที่จะกู้เชื่อถือในแฟรนไชส์ดังที่กล่าวมาข้างต้นว่าจะทำเป็นหรือเปล่า
ทั้งปวงที่ว่ามาถามคำถามว่าบันเทิงใจมั้ย? บอกเลยว่า “ก็สนุกสนานนะ” ยิ่งถ้าเกิดคุณต้องการมองหุ่นยนต์ตีกันระดับ “Shiftหายฉิบหายวายวอด” คุณจะต้องไปดูในโรงเพียงแค่นั้น เสียงดังลั่นหนวกหูสาแก่ใจมากมายๆ!! ส่วนคะแนน และก็คำติชมนั้น มันก็เป็นเพียงแต่การเล่าตามหลัก รวมทั้งตีเป็นตัวเลขเพียงแค่นั้น ของแบบนี้จำต้องไปดูเองขอรับ!