The Tomorrow War (2021) ข้ามเวลา หยุดโลกวินาศ ดูหนัง มาถึงอีกหนึ่งหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ฟอร์มดีที่เคยถูกวางเอาไว้เป็นโปรแกรมทองคำหนังซัมเมอร์รายปีนี้ แต่ว่าเนื่องจากว่าเหตุการณ์วัววิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทหนังได้ตกลงใจย้ายฐานไปย้ายเป็นหนังสตรีมมิ่งออนไลน์แทน หนังประเด็นนั้นก็คือ “The Tomorrow War” (การสู้รบที่อนาคต) ที่มาพร้อมด้วยความฉุนเฉียวกับฉากแอคชั่นจัดหนัก เติมเต็มความเพลิดเพลินแบบสุดๆแม้ว่าจะเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จและก็แนวความคิดบ่อยๆเดิมๆแต่ว่าก็ส่งความมันส์มาถึงผู้ชมได้เต็มแม็กซ์
เรื่องราวของมวลมนุษยชาติที่กำลังจะดับสิ้นเมื่อเอเลี่ยนเข้ามารุกราน ทำให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์กรุ๊ปหนึ่งจำเป็นต้องเริ่มหาแนวทางเพื่อจะต่อสู้กับการรุกรานคราวนี้ ด้วยการเกณฑ์ทหารกรุ๊ปหนึ่งจากสมัยก่อนกลับมาสู้ในการทำศึกนี้ ซึ่งในหนังจะพาพวกเราไปติดตามเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกหลักเกณฑ์มาสู้ในการสู้รบที่โลกอนาคต ที่ซึ่งชะตาของมวลมนุษยชาติจะต้องฝากไว้กับความรู้ความเข้าใจของเขาสำหรับเพื่อการที่จะจำต้องประจันหน้ากับสมัยก่อนของเขาเอง
พวกเราผ่านหนังตัวประหลาดต่างดาวบุกโลกกันมาหลายเรื่องแล้วนะ ตั้งแต่ ID4, War of the World, Predator, Clover Filed, Edge of Tomorrow และไม่นานมานี้ก็ The Quiet Place ด้วยเหตุผลดังกล่าวการที่ฮอลลีวูดจะสร้างภาพยนตร์แนวนี้ขึ้นมาอีก The Tomorrow War ก็จำเป็นต้องเชื่อมั่นแล้วว่าหาหนทางที่ผิดแผกแตกต่างได้รวมทั้งสามารถดึงความพอใจผู้ชมได้ ก็นับว่าพาราเมาท์มั่นอกมั่นใจกับโปรเจกต์นี้ถึงกับเททุนสร้างให้มากมายถึง 200 ล้านเหรียญ
แต่ว่าโชคชะตาของหนังก็อย่างกับอีกหลายๆเรื่อง ที่พบกับเหตุการณ์วัววิด-19 แต่ว่าพาราเมาท์เลือกจะไม่เลื่อนแล้วหลังจากนั้นก็ไม่เสี่ยงเอาเข้าโรงฉายในตอนที่โรงภาพยนต์ทั้งโลกยังไม่กลับมาเปิดเต็มอัตราด้วย ก็เลยเลือกทางออกด้วยวิธีขายให้กับช่องสตรีมไม่ง Amazon Prime แบบเสมอตัวไปที่ 200 ล้านเหรียญ แล้ว Amazon Prime ก็อาศัยฤกษ์ดีปลดปล่อยสตรีมไม่งไปเมื่อ 2 เดือนกรกฎาคม รับเทศกาลวันชาติอเมริกา ถ้าหากเอาเข้าโรงฉายในตอนนี้ก็จำต้องชนกับ Fast9 เลยล่ะ
ก็น่าเวทนา คริส แพรตต์ (Chris Pratt) นะ Tomorrow War ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้แสดงนำชายหนังฟอร์มใหญ่แบบขายชื่อเสียงเด่นๆเกิดเรื่องแรก แถมยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการผลิตเองด้วยทั้งที ท้ายที่สุดหนังก็มิได้ฉายโรงซะงั้น หัวข้อนี้แพรตต์รับบทบาทเป็น ดินแดน ฟอร์เรสเตอร์ ทหานที่เคยผ่านการรบผู้รอบรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพียงพอปลดทำหน้าที่มาก็เลยได้เป็นคุณครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมศึกษา เขาแต่งงานที่อบอุ่น มีเมียที่งาม มีมูริบุตรสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูและก็ฉลาดหลักแหลม
แม้กระนั้นแล้วในวันที่ชีวิตดำเนินไปราวกับธรรมดาก็เกิดเหตุคาดไม่ถึงกับคนทั่วโลก ในตอนที่มองถ่ายสดบอลโลกอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์เชิญชวนตื่นตกตะลึง เมื่อมีประตูมิติโผล่ขึ้นกึ่งกลางสนามฟุตบอล มนุษย์โลกกรุ๊ปใหญ่ในชุดทหารเดินกรูกันออกมา และก็หัวหน้าที่เป็นทหารหญิงก็แนะนำตัวว่า คุณรวมทั้งกองทหารนั้นมาจากโลกอนาคตอีก 30 ปีด้านหน้าที่มีวิทยาการสร้างเครื่องข้ามกาลเวลาได้แล้ว โลกในปี 2050 นั้น โดนสัตว์ต่างดาวรุกราน มนุษย์เหลือแค่ราวๆ 500,000 คนเพียงแค่นั้น วัตถุประสงค์ที่คุณมาในวันนี้ก็เพื่อขอกำลังคนจากโลกในปีนี้ ให้ไปร่วมรบกับสัตว์ต่างดาวเพื่ออนาคตของมนุษยชาติ
ที่ตรงนี้ล่ะที่นับได้ว่า Tomorrow War เลือกแนวทางการเล่าเรื่องได้ไม่เหมือนกับหนังสัตว์ต่างดาวหลายสิบเรื่องที่เคยผ่านตามา มีการเอาการเดินทางผ่านเวลามาผสมกับวิกฤตการณ์สัตว์ต่างดาว กับการปูความให้ดินแดนมีความชำนาญด้านวิทยาศาสตร์ก็เลยปูพื้นไปถึงการเรียนกายภาพของสัตว์ต่างดาวเพื่อหาข้อบกพร่องแล้วก็หาวิธีการกำจัดมัน
กล่าวได้เต็มปากว่า Tomorrow War เป็นหนังแอ็กชัน-ไซไฟ ในสไตล์ ID4 ที่สร้างมาเอาอกเอาใจผู้ชมวงกว้างรวมทั้งหวังผลทางด้านการตลาดอย่างเป็นจริงเป็นจัง เห็นได้ชัดว่าเงิน 200 ล้านเหรียญฯ หมดไปกับอะไรบ้าง
หนังเสนอฉากมุมกว้างเสมอๆรวมทั้งเป็นฉากที่ใช้ CGI แบบเอาจริงเอาจัง เนื่องจากว่าหนังเลือกเล่าราวในสเกลใหญ่ เมื่อมนุษย์ทั่วโลกโดนสัตว์ต่างดาวจู่โจม หนังก็เลยมีทั้งยังฐานทัพ เรือบิน เฮลิคอปเตอร์ อาวุธหนัก แล้วก็กองทัพสัตว์ต่างดาว ก็เลยเป็นฉากปะทะแบบเล่นใหญ่ สาดกระสุน อาวุธหนัก ระเบิดตูมตามวินาศสันตะโร หนังยาว 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่ว่าอัดแน่นด้วยฉากแอ็กชัน พูดได้ว่ามาทุก 10 นาทีเลย ทำให้ไม่ทราบสึกว่าหนังยืดยาว แต่ว่าก็จำต้องแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่หายไป เป็นฉากลุ้นแบบ Quiet Place ที่ผู้แสดงจะต้องเล่นแอบกับสัตว์ต่างดาว
รายละเอียดทางด้านไซไฟก็เข้าใจง่ายไม่สลับซับซ้อน ถูกใจที่หนังใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแรกปูพื้นกับความน่าขนลุกสัตว์ต่างดาว ที่ถูกตั้งชื่อนางแฝงว่า “ไวต์สไปก์” (WhiteSpike) แปลได้ว่า “หนามสีขาว” เพราะเหตุว่าไอ้เหล่านี้มันยิงหนามแหลมเข้าใส่ศัตรูจากระยะไกลได้ และก็ตัวมีสีขาว ด้วยเสียงยกย่องที่ถูกเล่าผ่านทหารจากโลกอนาคต แม้กระนั้นไม่มีภาพให้มองเห็น ก็เลยทำจินตนาการไปถึงพิษสงของมัน โน่นก็นำมาซึ่งการทำให้ฉากเปิดตัวไวต์สไปก์นั้นออกจะน่าสยองแล้วก็เชื้อเชิญลุ้น เสียดายว่าหากได้มองในโรงจะได้อรรถรสกว่านี้มากมาย
แม้กระนั้นนับตั้งแต่นาทีที่เปิดตัวไวต์สไปก์แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีการกั๊กแล้วล่ะ ได้มองเห็นเค้าหน้าร่างกายกันจะๆไปเลย ข้างมนุษย์ก็จะต้องยิงไปโกยแน่บไป นับเป็นสัตว์ต่างดาวอีกตัวของฮอลลีวูดที่ดีไซน์มาเจริญ มีเอกลักษณ์ส่วนตัว รับทราบได้ถึงความเหี้ยมโหดน่าสยดสยองของมัน เนื่องจากว่ามันมิได้ฆ่าคนเล่นๆแม้กระนั้นมันกินมนุษย์ด้วยนี่สิ หนังก็เลยมีกลิ่นของหนังเฉือนพอสมควร กับการเสนอแนะนักแสดงข้างมนุษย์มาคนไม่ใช่น้อย เพียงพอมันออกมาแต่ละครั้งก็จะต้องลุ้นว่านักแสดงไหนจะแปลงเป็นเหยื่อมันไปบ้าง
คนที่รับผิดชอบงานนิพนธ์บทเป็น แซค ดีน (Zach Dean) ชื่อไม่ค่อยชินหูเนื่องจากผ่านงานนิพนธ์บทมาเพียงแค่ 2 เรื่องเพียงแค่นั้น 24 Hours to Live รวมทั้ง Deadfall ถึงแม้ดีนจะเล่าราวของ Tomorrow War ได้เสมือนเดินตามทางของ ID4 ที่มีอีกทั้งมนุษย์ดาวอื่น ภาครัฐหามาตรการจัดการ มีนักวิทยาศาสตร์หาวิธีการเอาชนะมนุษย์ดาวอื่น มีวีรบุรุษในเหตุการณ์ฉุกเฉิน แต่ว่าหนังก็ขาดช่วงห่างจาก ID4 มาแล้วถึง 25 ปี ก็เลยไม่ทราบสึกว่าได้มองเรื่องราวบ่อยๆเดิมในระยะชิดเกินความจำเป็น
อีกจุดที่พึงพอใจกับงานด้านการเขียนของ แซค ดีน ก็คือการสอดแทรกดราม่าที่ไม่รู้เรื่องสึกว่ายัดเยียดเกินความจำเป็น กับการเล่าเรื่องราวความเกี่ยวเนื่องของบิดาลูก 3 เจเนอเรชัน โดยมี ดินแดน ฟอร์เรสเตอร์เป็นศูนย์กลาง เขามีปัญหาแตกแยกกับ เจมส์ บิดาของเขาเองที่ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเด็ก บทเจมส์นี่น่าดึงดูดขึ้นมามากเลย เมื่อได้ เจ.เค. ซิมมอนส์ (J.K. Simmons) มารับบท ช่วงเวลาเดียวกันเขาก็ตั้งประณิธานว่าจะเป็นบิดาที่ดีให้กับมูริ บุตรสาวของเขา ไม่ให้ลูกจำเป็นต้องโดนละทิ้งเสมือนที่เขาพบเจอมา แน่ๆว่าหนังยังคงเดินตามสูตรที่ว่าด้วยครอบครัวได้ได้โอกาสสานเกี่ยวข้องกันระหว่างที่กำเนิดวิกฤติการณ์ แต่ว่าก็มิได้เดินตามสูตรสำเร็จเสียเชิงเดียว มีบางฉากบางในช่วงเวลาที่เล่นกับการคาดคะเนผู้ชม รวมทั้ง เฮ้ย! ทายใจไม่ถูกวุ้ย
ที่ถูกใจอีกอย่างก็คือหนังมิได้วางบทบุตรสาวในหัวข้อนี้ให้เป็นภาระหน้าที่น่าเบื่อหน่าย อย่างที่พวกเราเคยพบมาในหนังหายนะหลายๆเรื่อง บุตรสาวหัวข้อนี้มีหน้าที่สำคัญกับเรื่องราวเลยล่ะ ฉากจุดสุดยอดก็จัดว่าทำเป็นบันเทิงใจ สมค่ากับการเป็นฉากจบท้ายเรื่อง ลากกันยาวๆ20 กว่านาคราว เห็นได้ชัดว่าผ่านกระบวนความคิดมาอย่างยอดเยี่ยม เป็นภารกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญพอสมควร ตัวบอสของเรื่องก็ปฏิบัติหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรีลาสต์บอสดีจัง
เวลาที่ดูหนังฮอลลีวูดเมนสตรีมอย่างงี้ ก็เปิดโหมดรับความเวอร์วังอยู่แล้วนะ เพราะว่าพวกเราชอบมองเห็นช่องโหว่ใหญ่ๆในบทปกติ แต่ว่า Tomorrow War กลับไม่มีช่องโหว่ในบทให้รู้สึกรำคาญดวงใจเลยแม้แต่น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นการเปิดเผยสาเหตุของสัตว์ต่างดาวกลุ่มนี้ ลุกลามไปลบเรื่องที่น่าสงสัยของสัตว์ต่างดาวในหนัง Quiet Place ได้ด้วยที่พวกเราเคยสงสัยว่ามันมองเป็นสัตว์มากยิ่งกว่าจะเป็นมนุษย์ดาวอื่นที่มีอารยธรรม แล้วมันขับยานผ่านมึงแล็กซีมายังโลกมนุษย์ได้เช่นไรกัน
ในที่สุดก็ขอยกย่อง คริส แม็กเคย์ (Chris McKay) ผู้กำกับที่มาจากสายหนังเอาอกเอาใจเด็กอย่าง The Lego Batman Movie ทั้งคู่ภาค แม้กระนั้นเมื่อมาจับหนังแอ็กชันฟอร์มใหญ่ ก็นับว่าแม็กเคย์เอาอยู่ มองจบแล้วรู้สึกเสียดายที่มิได้มองในโรง มันเป็นหนังที่เหมาะสมมองบนหน้าจอใหญ่มากๆความสนุกสนานจะมากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าตัว ก็ยังคิดนะว่าพาราเมาท์ตกลงใจไม่ถูกที่ขายลงช่องสตรีมไม่ง หนังส่วนประกอบครบบริบรูณ์อย่างนี้ ได้มอง คริส แพรตต์ ถือปืนสู้กับสัตว์ต่างดาว CGI อัดแน่น ผู้แสดงนำชายเก่งแบบรอบด้านมาในมาดวีรบุรุษสุดๆมีฉากโก้เก๋ๆเชื้อเชิญให้ลุกปรบมือให้หลายๆฉาก มั่นใจว่ายอดจำหน่ายตั๋วทั่วทั้งโลกทำเป็นเกิน 200 ล้านเหรียญสบายๆเพียงแค่อย่าเอามาฉายชนกับ Fast 9 เท่านั้นล่ะ