ดูหนัง Soong Sisters (1997) สามพี่น้องตระกูลซ่ง The Soong Sisters นั้นบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้น ความรุ่งเรื่อง วิบากกรม ตราบจนถึงปั้นปลายของชีวิต ของพี่น้องสามคน ลูกสาวของ ชาลี ซ่ง (เจียงเหวิน) ชาวจีนผู้มีการศึกษา และเลี้ยงลูกอย่างสมัยใหม่ ให้การศึกษาเทียบเท่าผู้ชาย สอนภาษาอังกฤษ ส่งไปเรียนหนังสือยังต่างประเทศ แต่ผู้หญิงทั้งสามคนกลับมีทางเดินที่แตกต่างกัน ทางแยกของเธอทั้งสามได้สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัด ในการเลือกคู่ครองนั้นเอง ที่ล้วนการเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของพวกเธอแต่ละคน ซ่งอ้ายหลิง (มิเชล โหย่ว) เลือกชายหนุ่มร่างท้วมกับพ่อค้าใหญ่ ชาวเมืองชานสี เป็นสามี ที่ในเวลาต่อมาเขาได้กลายเป็นผู้กุมอำนาจทางเศรษกิจของจีน พี่สาวคนรอง ซ่งจิงหลิง (จางมั่นอวี้) กลับขัดขืนคำสั่งผู้เป็นบิดา เมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับ ชายอายุคราวพ่ออย่าง ซุนยัดเซ็น (วินสตัน เชา) ถึงแม้ชายผู้นี้ จะได้รับการขนานนามว่า บิดาแห่งประเทศจีนยุคใหม่ ก็ตามที ส่วนน้องสาวคนสุดท้อง ซ่งเหม่ยหลิง (วิเวียน วู) เลือกคู่ครองเป็นนายทหารหนุ่ม อนาคตไกล เจียงไคเช็ก ที่ต่อมากลายเป็น ผู้นำแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง และนายกรัฐมนตรีคนแรกแห่งไต้หวัน สามพี่น้องแห่งตระกูลซ่งได้เลือกทางเดินกันคนละสาย นับแต่วันที่เลือกชายที่ผู้จะอยู่เคียงนั้นเอง มักมีคำกล่าวถึง พี่น้องตระกูลซ่งว่า “คนหนึ่งรักเงิน คนหนึ่งรักอำนาจ และคนหนึ่งรักประเทศ” ผู้สร้างพยายามนำแนวคิดอันนี้มาผูกกับเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ความตึงเครียดของจีนและไต้หวัน รวมถึงการส่งมอบเกาะฮ่องกง สู่การปกครองของจีน ตัวละครหญิงทั้ง 3 กลายเป็นภาพสะท้อนถึงอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ของแต่ละประเทศ ซ่งอ้ายหลิง ตัวแทนของฮ่องกง ที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับการแสวงหาความมั่งคั่ง และความสุขแบบทุนนิยม ซ่งจิงหลิง ตัวแทนแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ กลับเชิดชูการใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นเป็นสำคัญ และซ่งเหม่ยหลิง หญิง ก็สะท้อนภาพความทะเยอทะยานทางการเมืองของไต้หวัน อันที่จริงดูเป็นแนวคิดที่เข้าท่า ในการสร้างความขัดแย้งของพี่น้อง ที่เชื่อมโยงไปยังความขัดแย้งของชนชาติ แต่ The Soong Sisters นั้นถ่ายทำในประเทศจีน อาจจะเป็นการกดดันจากรัฐบาลปิกกิ่ง (ที่ใช้เวลาตรวจทานบทภาพยนตร์เรื่องนี้ถึง 5 เดือน) หรือแนวคิดส่วนตัวของคนทำหนังเอง ก็สุดแล้วแต่จะคาดเดานะครับ แต่นั้นทำให้ภาพพจน์ของ จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ที่ถูกเสนอผ่านตัวละคร ออกมาในลักษณ์ของ ขาวกับดำอยู่พอสมควร ซ่งจิงหลิง นั้นถูกสร้างให้กลายเป็นแม่พระของชาวจีน มีฉากแสดงความยิ่งใหญ่ กล้าหาญ ของเธออยู่ค่อนข้างมาก นั้นจะดูตรงกันข้ามเหลือเกินกับบท ซ่งเหม่ยหลิง (และอาจรวมไปถึงเจียงไคเช็กด้วย) กลับเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน เกินขอบเขต หนังยังลงท้ายด้วยบทสรุปที่ตื้นเขิน ด้วยการให้พี่น้องสามคนกลับมาปรองดองกันอย่างง่ายดาย ดังความฝันของรัฐบาลปักกิ่ง ต่ออุดมคติแบบจีนเดียว ถึงแม้บทบาทของตัวละคร รวมถึงการดำเนินเรื่อง จะดูค่อนข้างน่าผิดหวัง ก็ต้องยอมรับว่า นักแสดงอย่าง จางม่านอวี้ และวิเวียน วู ก็ยังแสดงความเจิดจรัสออกมาได้พอสมควร ทั้งสองให้การแสดงที่มีเสน่ห์ อยู่พอสมควร การดูงานแสดงของทั้งสองก็ถือเป็นความบังเทิงที่ใช้ได้ทีเดียว นั้นกลายเป็นเรื่องน่าเห็นใจสำหรับ มิเชล โหย่ว ที่ต้องแสดงบทอันพูดได้ว่า เป็นตัวประกอบดีๆ นี้เอง อาจจะเพราะความเสียเปรียบในหลายประการ ทั้งบทบาททางประวัติศาสตร์ของตัวละครที่มีค่อนข้างน้อย รวมถึงศักดิ์ศรีความเป็นนางเอกของ มิเชล โหย่ว เอง ที่อาจทำให้ผู้สร้าง ไม่กล้าจะสร้างภาพลักษณ์อันลึกซึ้ง ให้กับตัวละครตัวนี้ได้ แม้จะมีการวางบทบาทให้เธอเป็นเหมือนผู้พยายามสร้างความปรองดองในครอบครัว แต่กลับยิ่งทำให้ ตัวละคร ซ่งอ้ายหลิง ดูห่างไกลจากความเป็นมนุษย์ขึ้นไปอีก ทั้งหมดทำให้บทพี่ใหญ่แห่งตระกูลซ่ง จึงดู จืดชืด และไร้มิติ อย่างช่วยไม่ได้ หนังยังมีดาราเจ้าบทบาทแสดงอยู่ด้วยหลายคน ที่ผมประทับใจส่วนตัวก็คือ ดารางิ้วชื่อดัง อู๋ซิงกัวะ ที่รับบทเจียงไคเช็ก ได้มีสีสันดี มีฉากนึงในหนังที่ผมค่อนข้างชอบ ในมื้ออาหารเย็น ขณะที่ทุกคนดูจะมีความสุขการกับทานอาหารฝรั่งร่วมกัน เจียงไคเช็ค กลับยินดีที่จะร่วมโต๊ ด้วยการคีบตะเกียบ กินข้าวต้ม แบบไม่แยแสใคร ฉากเล็กๆ แบบนี้ก็ดูสะท้อนภาพเจียงไคเช็ค และความรู้สึกของคนจีนต่อเขาได้เป็นอย่างดี