MOONFALL (2022) วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก ดูหนัง นาทีนี้ขอรีวิวหนังสั้นๆสักเรื่องบ้างกับ MOONFALL วันพิบัติ จันทร์กระหน่ำโลก ภาพยนตร์ไซไฟที่ควบคุมโดย Roland Emmerich ผู้ครอบครองผลงานดังอย่าง The Day After Tomorrow (2004), Godzilla (1998) รวมทั้งอีกเพียบเลย แน่ๆว่าหนังทำออกมาได้ดีมากเลยเชียวสำหรับผมอีกทั้งเรื่องความหวาดเสียว แล้วก็ระทึกใจในช่วงต้นเรื่อง ตลอดจนมีอีกทั้งเงื่อนดราม่าของเหล่าผู้แสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยก่อนนักบินอวกาศอย่าง ไบรอัน ฮาร์เปอร์ ที่เล่นบทโดย Patrick Wilson ซึ่งผู้คนจำนวนมากอาจรู้จักกับเจ้าตัวกันอย่างยอดเยี่ยมแล้วจากผลงานในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ในจะวาลของ The Conjuring
โดยในตอนแรกเรื่องจะเปิดเงื่อนที่ส่งผลให้เกิดความผิดใจกันระหว่าง ไบรอัน ฮาร์เปอร์ กับทาง NASA ซึ่งปัจจัยมาจากการที่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่มของไบรอันได้เสียชีวิตระหว่างภารกิจบนอวกาศ โดยทาง NASA ได้กล่าวร้ายว่าทางไบรอันเองนั้นเป็นข้างไม่ถูกฐานประมาท รวมทั้งทำให้คนอื่นๆเสียชีวิต กระทั่งทำให้ชีวิตของผู้แสดงนำชายของพวกเรานั้นพูดได้ว่าเข้าขั้นล่มจมสุดๆอีกทั้งบ้านที่โดนยึด แล้วก็ครอบครัวที่จากกัน โดยเฉพาะลูกชายที่จำเป็นต้องมาติดตะรางเพราะว่าเรื่องเกี่ยวกับการขับขี่รถซิ่งบนทางสาธารณะ
ชื่อ MOONFALL
ชนิด แอ็คชัน , วิทยาศาสตร์
แสดงนำโดย แพทริก วิลสัน ,ฮัลลี เบอร์ปรี่ ,จอห์น กางรดลีย์ ,ไมเคิล เพ็นยา, โดนัลด์ ซัทคุณร์แลนด์ ,ชาร์ลี พลัมเมอร์ ,เคลลี่ หยู
ควบคุมโดย โรแลนด์ เอมเมอริค
ระบุฉาย 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2022
ความยาว – นาที
โรแลนด์ เอ็มเมอริค เจ้าพ่อหนังหายนะหายนะผู้ผลิต Independence Day , The Day After Tomorrow, 2012 กับการกลับมาใน Moonfall เป็นหนังหายนะที่เกิดขึ้นจากพระจันทร์ที่วงวัวรของมันกำลังจะพุ่งเข้าพบโลก โดยมีนักบินอวกาศรวมทั้งนักทฤษฎีวิทยาศาสตร์ช่วยเหลือกันหาวิธีระงับการพุ่งชนในคราวนี้ ซึ่งพวกเขามีเวลาไม่กี่อาทิตย์เพียงแค่นั้นเพื่อไม่ให้มันล้างผลาญโลก เมื่อโลกใกล้ถึงวันสิ้นสูญ เมื่อพระจันทร์หลุดวิถีโคจร รวมทั้งพุ่งตรงสู่โลก นักบินอวกาศ และก็นักวิทยาศาสตร์จำต้อง ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อกู้โลก รวมทั้งค้นหาคำตอบความลับอีกด้านของพระจันทร์ที่หลบอยู่
รีวิวนี้ของผมนั้น เขียนเรียบเรียงออกมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผมที่มีต่อภาพยนตร์หัวข้อนี้ ซึ่งถ้าหากบกพร่องอย่างไร หรือการติชมของผมผิดจิตใจผู้ใด ผมจำต้องขอประทานโทษไว้ในที่นี้ ซึ่งก่อนพวกเราจะมาเริ่มรีวิว MOONFALL พวกเรามาดูเรื่องย่อและก็ข้อมูลพื้นฐานของภาพยนตร์ภัยพินาศฟอร์มยักษ์ประเด็นนี้กันก่อนดีมากกว่า
ภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้ผลหน้าที่ควบคุมของ Roland Emmerich (โรแลนด์ เอ็มเมอริช) ผู้กำกับสายภาพยนตร์ภัยพินาศล้างโลก ที่เคยทำแนวนี้มาแล้วหลายเรื่องมากๆดังเช่น ID4 Independence Day (1996) , The Day After Tomorrow (2004) รวมทั้ง 2012 (2009) โดยหัวข้อนี้มีเหล่าผู้แสดงนำฝ่ายเป็นต้นว่า Patrick Wilson (แพทริก วิลสัน) คนรับบท King Orm ใน Aquaman (2018) , Halle Berry (ฮัลลี เบอร์รี) คนรับบท Storm ในรูปภาพยนตร์แฟรนไชส์ X-Men รวมทั้ง John Bradley (จอห์น กางรดลีย์) จากซีรีส์ Game of Thrones ประเด็นนี้ใช้ทุนสร้างไปทั้งสิ้น 140 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,580 ล้านบาท)
สำหรับผมภาพยนตร์หัวข้อนี้นับได้ว่าเป็นหนังที่ผมมองบันเทิงใจแล้วก็เพลิดเพลินดี การโปรดักชั่นการออกแบบภาพก็ทำออกมาก้าวหน้า ถึงแม้ในบางฉากบางซีนจะมี CGI ลอยๆบ้างแต่ว่ามิได้มากไม่น้อยเลยทีเดียวอะไรขนาดนั้น รวมทั้งสิ่งที่ผมถูกใจที่สุดเป็นแนวคิดคบคิดสุดเวอร์วัง แม้กระนั้นก็ส่งมันไปได้กระทั่งสุดทางและไม่รู้สึกค้างคาอะไร ถ้าหากมองแบบไม่อะไรมากมายรวมทั้งปลดปล่อยให้หนังนำทางพวกเราไป ยืนยันว่าบันเทิงใจแน่ๆ ขั้นต่ำเพียงแค่มาดูฉากโลกกำลังพบเจอกับภัยอันตรายก็คุ้มแล้ว
ภาพงามมากมายแล้วก็วิจิตรตระการตางานสร้าง มองยิ่งใหญ่ สเกลใหญ่โคตรๆโดยรวมแล้วสนุกสนานเอ็นหน้าจอย เหมาะสมไปดูกับสหายๆและก็ครอบครัวสิ่งที่ผมถูกใจรวมทั้งต้องใจที่สุด ก็คือเค้าโครงเรื่องรวมทั้งบทของภาพยนตร์หัวข้อนี้ ที่มากับแนวความคิดคบคิดสุดประหลาดแล้วก็เกินคาดมากมายๆและพาพวกเราถอดสมองไปกับแนวความคิดสุดบ้านี้ได้กระทั่งสุดทาง มันล้ำมากมายจริงๆซึ่งใคซึ่งผู้ใดกันแน่ที่ดูแล้วงง หรือตามไม่ทันมาอ่านอันนี้ได้ครับ ผมจะสรุปให้แบบง่ายๆ
สรุปก็คือพระจันทร์เป็นดาวพระเคราะห์ประดิษฐ์ หรือก็คือประดิษฐกรรมที่ถูกทำขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่าพวกเราในสมัยปีจจุบันมาก ซึ่งเริ่มเรื่องมาหนังจะชี้แจงให้ฟังว่าหลุมบนพระจันทร์นั้น มีสาเหตุมาจากเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ซึ่งทีแรกๆผมก็คาดคะเนไปว่าเอเลี่ยนแน่นอนจนกระทั่งหนังก็เบาๆแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่อยจนกระทั่งทราบเพิ่มว่า AI สุดล้ำนี้ มันขุดเข้าไปในศูนย์กลางของพระจันทร์ก็เพื่อเปลี่ยนทิศทางวิถีโคจรรวมทั้งหวังทำลายโลก รวมทั้งเผ่าพันธ์ุมนุษย์ให้สิ้นซาก พอเพียงท้ายที่สุดมาเฉลยคำตอบว่า AI ทุ่งนาโนเทคโลโนยีนั้น เป็นเทคโนโลยีที่บรรพบุรุษของผู้คนเมื่อหลายแสนล้านปีกลาย
ซึ่งเป็น AI ที่สร้างไว้ใช้อำนวยความสะดวก อารมณ์คล้ายสมาร์ทโฮม แต่ว่า AI กลับมีความคิดและก็ร่วมมือกันทำลายมนุษย์ มนุษย์กรุ๊ปท้ายที่สุดก็เลยสร้างพระจันทร์ที่ฝัง AI ที่ซื่อสัตย์สุจริตไว้ รวมทั้งคอยให้มีมนุษย์เข้ามาพบ AI ก็จะชี้แจงทุกๆสิ่งทุกๆอย่างให้ฟังว่ากำเนิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งกรุ๊ปผู้แสดงหลักเนี่ยล่ะที่ไปพบ แล้วหลังจากนั้นพระจันทร์ก็ลอยในอวกาศไปนาน จนกระทั่งกำเนิดโลกมาถึงขณะนี้ ซึ่ง AI จะตามล่ารวมทั้งหวังทำลายพระจันทร์
และก็เชื้อสายมนุษย์ให้หมดสิ้น โดย AI จะติดตามสัญญาณสิ่งมีชีวิตรวมทั้งคลื่นอิเล็คโทรนิค ก็คือถ้าเกิดมีเพียงแค่สิ่งมีชีวิต แม้กระนั้นไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆมันก็จะหาไม่พบ ซึ่งพระจันทร์ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ก็เลยลอยหนีพ้นพ้นการไบ่ล่าของ AI มาได้นานหลายแสนปี ซึ่งมันก็ชี้แจงสถานะการณ์ในหนังได้ทุกสิ่ง ว่าเพราะอะไรถึงมาเดี๋ยวนี้ ทั้งหมดทุกอย่างมีเหตุมีผลรองรับ
จากบททั้งปวงที่กล่าวมา มันทำให้ผมยิ่งว้าวไปใหญ่ ความนึกคิดที่เข้ามาในหัวเป็น คิดได้ยังไงวะเนี่ย มันไม่มีเหตุผลเท่าใดแต่ว่ามันก็มิได้ไม่เป็นประโยชน์ขนาดนั้น มันหลุดโลกไปเลย ในหนังก็จะย้ำอยู่เป็นประจำว่ามฤษฎีในหนังนั้นจะมีผลให้ความศรัทธาเกี่ยวกับพระจันทร์ที่มนุษย์เชื่อมาตลอดมันไม่ถูกทั้งปวง ซึ่งมันหลุดโลกแต่ว่าก็โคตรบันเทิงใจ โคตรสนุกสนาน ผมเลยเอ็นหน้าจอยและก็ซาบซึ้งใจในส่วนนี้มากมายๆ
สำหรับงานภาพอาจจะไม่ต้องโปรโมทมากมาย คนใดกันแน่ที่เป็นแฟนหนังหรือเคยมองผลงานเก่าๆของผู้กำกับคนนี้มาก่อน ก็คงจะเพียงพอคาดคะเนได้ว่ามันจะเป็นแบบไหน ซึ่งค้ำประกันความใหญ่โต วิจิตรตระการตา แล้วก็สวยสดงดงาม ถึงแม้การทำ CG ในบางฉากมันยังมองเลียนแบบๆไม่เหมือนจริง แต่ว่ามิได้ลอยอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียว ยังเพียงพอยอมรับได้ แต่ว่าสิ่งที่ดีของงานภาพ
เป็นการออกแบบภาพและก็จัดวางส่วนประกอบภาพแต่ละฉากเนี่ยล่ะ ที่ทำออกมาเจริญมากมาย สเกลภาพมันใหญ่รวมทั้งมีเนื้อหาจำนวนมากซึ่งถลาพยนตร์ประเด็นนี้ทำออกมาก้าวหน้าจริงๆเสนอแนะว่าใครกันแน่ที่อยู่กรุงเทวดา ถ้าหากจะไปดูหัวข้อนี้ มองทั้งทีก็มองในระบบ IMAX ไปเลย จะได้ศึกษางานภาพสุดงดงามในสเกลใหญ่ ก็จะยิ่งมีเนื้อหาให้มองเห็นมากเพิ่มขึ้นอีกด้วย
จุดนี้เป็นจุดบอดที่ใหญ่แบบเห็นได้ชัดของภาพยนตร์หัวข้อนี้ ด้วยเหตุว่ามันมีหลายซีนมากมายๆที่นักแสดงในเรื่องตกลงใจแบบแปลกๆหรือกระทำตนไม่สมกับเหตุการณ์ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากว่ามันมีผลต่ออารมณ์ของผู้ชมมากมายๆอย่างยิ่งจริงๆ อาทิเช่น ฉากที่ซันนี่ลูกชายของผู้แสดงนำชายอยู่บนเทือกเขาแล้วก็กำลังหนีไปพบที่กำบังภัย ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีอุกกาบาตทีาตกลงมาที่เทือกเขาลูกด้านข้างแบบใกล้ๆอะ ห่างไป 1 กม.เองมั้ง
แม้กระนั้นนักแสดงกลับยืนดูรวมทั้งทำหน้าเรียบเฉยเมย ไม่ตกอกตกใจหรือกลัวด้วย และก็มีอย่างนี้หลายฉากมากมายๆซึ่งถ้าหากทำให้ผู้แสดงแสดงสีหน้าท่าทาง อารมณ์กลัว ร้อนรุ่ม มันจะนำมาซึ่งการทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับหนังแล้วก็ลุ้นระทึกเอาใจช่วยมากยิ่งกว่านี้มาก แล้วก็อีกฉากที่ขับขี่รถหนี แล้วก็ ถนนหนทางกระหน่ำ ผู้แสดงซันนี่กลับตกลงใจขับเหาะไปแบบง่ายถาง เป็นฉากนี้มันมองเกินจริงมากมาย อย่างกะ Fast 8 แต่ว่าอันนี้ก็มิได้มีผลมากมายดท่ากับการสื่ออารมณ์อยู่ดี
ถัดมาหัวข้อการปูเรื่องราวนานไปหน่อย จนกระทั่งผู้ชมเบื่อก่อนที่จะบันเทิงใจ กว่าจะเริ่มน่าติดตามสนุกสนาน และก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับนักแสดงและก็เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่องก็ขว้างไปแทบครึ่งเรื่องแล้ว ก็คือชั่วโมงแรกเป็นปูเรื่องสิ่งเดียว และก็ปูแบบจืดจางมากมายๆถ้าหากเขาแบ่งที่มาไปให้กับฉากการหนีตาย วุ่นวายของพลเมือง
ให้พวกเราได้มองเห็นถึงความกลัว และก็ความรุนแรงของภัยที่เหล่ามนุษย์ในหนังได้พบนั้นมันรุนแรงแค่ไหน หากทำเป็นหนังมันจะสุดแล้วก็ดียิ่งกว่านี้ แต่ไปจุดโฟกัสแม้กระนั้นผู้แสดงหลัก เลยทำให้ระยะแรกๆของหนังนั้นจืดจางไม่น่าติดตาม แถมยังเชิญหลับ แม้กระนั้นพอเพียงเลยครึ่งเรื่องมา และก็เริ่มจุดเครื่องติด ทุกๆอย่างก็ดีแล้วรวมทั้งโคตรสนุก ช่วงท้ายเป็นสิ่งที่ผมถูกใจมากมายจริงๆ
โดยรวมแล้วภาพยนตร์ประเด็นนี้จัดว่าทำออกมาก้าวหน้า มิได้แย่ขนาดนั้น ถึงแม้มันจะไม่ค่อยมีเหตุผลบ้างในบางจุด แต่ว่าก็ยังสามารถมอบความเพลิดเพลินรวมทั้งความสนุกสนานให้กับผู้ชมได้ งานภาพการโปรดักชั่นต่างๆก็ออกมาดูดีเลย แม้ว่าจะมี CG บางฉากบางเวลาที่ยังไม่เนียนตาเท่าใด แต่ว่าส่วนประกอบ รวมทั้งเนื้อหาของาท้องฟ้าพในแต่ละฉากนั้นดีเลิศๆงาม วิจิตรตระการตางานสร้างที่ฉากเลยจริงๆสำหรับภาพยนตร์ประเด็นนี้หากใครกันแน่ที่ถูกใจดูหนังวิทยาศาสตร์เป็นจริงเป็นจัง แบบ Interstella(2014)
lock Buster เลยไม่ต้องอิงเรื่องจริงหรือเหตุผลมากสักเท่าไรนัก เน้นย้ำไอเดียล้ำๆแล้วก็งานสร้างวิจิตรตระการตา มอบความสบาย ความเพลิดเพลินให้ผู้ชมสิ่งเดียว ภาพยนตร์หัวข้อนี้ก็เลยเหมาะสมกับผู้ที่ถูกใจดูภาพยนต์เพื่อความรื่นเริงใจ ความเครียดน้อยลง มองเวลาว่างๆการันตีว่าไม่เสียดายเวลาแน่ๆ สรุปแล้วผมขอให้คะแนนไว้ที่ 7.5/10 คะแนนแล้วกัน ขอบอกก่อนว่าที่รีวิวมาทั้งผอง มาจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆถ้าทำให้คนใดกันไม่สบอารมณ์ หรือไปขัดใจคนไหน ผมจำต้องขอโทษไว้ในที่นี้ด้วยครับ ท้ายที่สุดถ้าเกิดอ่านมาถึงที่ตรงนี้แล้วถูกใจ ฝากกดติดตามและก็กดแชร์เนื้อหานี้ให้ด้วยครับ