War สงคราม และการต่อสู้นำมาซึ่งความเจ็บปวด เมื่อเกิดการขัดแย้งระหว่างประเทศ ทหารจึงเป็นกลุ่มคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องราวต่างๆ การดำเนินเรื่องของหนังสงคราม มักจะเต็มไปด้วยการต่อสู้ ยุทธวิธีในการเอาชนะ การเข้าครอบครองอาณาเขต และการทำลายล้างของแต่ละฝ่าย แต่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน มักจะมีมุมมองที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ
หากคุณกำลังมองหาหนัง หนังออนไลน์ 2022 พากย์ไทยเต็มเรื่อง เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสงครามที่ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาจากเรื่องจริง ซึ่งเต็มไปด้วยอาวุธครบมือและทหารที่พร้อมจะต่อสู้ตลอดเวลา “หนังสงคราม” เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่คุณควรเก็บไว้ นอกเหนือจากฉากหนังยิงกัน ทิ้งระเบิด และกลยุทธ์ต่างๆที่จะช่วยให้เป็นผู้ชนะในสงครามแล้ว มิตรภาพและการเสียสละ เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่คุณจะได้รับจากหนังแนวนี้ “ผู้ที่จะอยู่รอดในสงคราม ไม่ใช่เป็นเพียงคนเก่ง แต่ต้องเป็นคนที่โชคดีด้วย”
เอาล่ะ! ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคอหนังตัวเอ้ เตรียมปากกากระดาษจดลิสต์ชื่อเรื่องหนัง อ่านเรื่องย่อกันได้เลยจ้า วันนี้เราได้รวบรวม 10 สุดยอด หนังสงคราม ทุกรูปแบบ ทุกแนว ไว้ที่นี่ จะมีหนังเรื่องไหน ชาติไหนกันบ้างนั้น ตามเราไปดูกัน
หนังสงครามที่เล่าเรื่องผ่านทหารประจำรถถังของพันธมิตรคันหนึ่งที่ฝ่าแนวตั้งรับของนาซีเข้าไปในแดนของข้าศึกเพื่อเปิดทางสู่การบุกเยอรมนีในช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของจ่า Don ‘Wardaddy’ Collier ที่ได้รับคำสั่งให้บัญชาการรถถังเชอร์แมนของเขา พร้อมทหารรถถัง 5 นาย บุกทะลวงสู่แดนข้าศึกซึ่งเป็นภารกิจลุยเดี่ยวเพื่อเปิดทางในการบุกสู่ใจกลางฐานทัพของนาซีเยอรมัน และพบว่าต้องเจอกับข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขา ในบรรดาห้าทหารรถถังของเขา มีพลยิงนายใหม่ประจำรถถังที่ชื่อ Norman Ellison เขาไม่เคยฆ่าคน และจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้ทั้งหมดรอดตายจากสงครามที่ไม่ง่ายที่จะเป็นอย่างนั้น
Fury ถือเป็นหนังสงครามเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้รถถังจริงมาเข้าฉากกว่า 60 คัน โดยรถถังหลักที่ชื่อฟิวรี่ชื่อเดียวกับหนัง ทีมงานได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์โบวิงตัน ให้นำรถถังรุ่น M4A2 76mm HVSS ที่ยังใช้งานได้มาถ่ายทำในหนัง และรวมถึง รถถังไทเกอร์ II ของกองทัพเยอรมัน ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยพิพิธภัณฑ์เช่นกัน ผู้กำกับอยากทำหนังรถถังที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถึงขนาดที่ถ้ามีคนพูดถึงหนังสงครามที่มีรถถังจะต้องนึกถึง Fury เป็นเรื่องแรก
เรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของผู้คนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ สมรภูมิแถบแอฟริกาเหนือและอิตาลี ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยฉากเครื่องบินเล็กของอังกฤษตกกลางทะเลทรายซาฮารา เพราะถูกเหล่าทหารเยอรมันที่ซุ่มอยู่ยิงตก คนในเครื่องบินดูเหมือนจะมีสองคนแต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในส่วนผู้โดยสารตอนหน้านั้นคงจะเสียชีวิตไปแล้ว ชายคนขับเครื่องบินพยายามดึงเธอออกมาแม้ว่าตัวเขาก็ดูเหมือนจะไม่รอดเพราะถูกไฟคลอกอยู่ สุดท้ายเครื่องบินที่ตกก็มีเหล่าเบดูอินกลุ่มหนึ่งมาพบและทำการแยกชิ้นส่วนที่พอจะขายหรือทำประโยชน์ได้ออกไป ชายคนขับเครื่องบินรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ถูกไฟคลอกจนผิวหนังชั้นนอกถูกทำลายไปหมดสิ้น เขาได้รับความช่วยเหลือจากเบดูอินเหล่านั้นและได้รับการรักษาตามแบบชาวทะเลทรายโบราณ
เขาถูกส่งตัวให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในอิตาลี แม้จะได้รับการรักษาจนบาดแผลหายแล้วแต่เขาก็จดจำอะไรไม่ได้ ใบหน้าที่ถูกไฟคลอกไปมีเนื้อเกิดใหม่ที่ผิดรูปร่างจนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อทหารฝ่ายสัมพันธมิตรมาขอข้อมูล เขาก็ให้ได้เพียงแค่ว่าเขาอาจจะเป็นนักบินเพราะเขาถูกพบในซากเครื่องบินเขาไม่รู้ชื่อตัวเอง และไม่รู้ว่าตนเกิดที่ไหน รู้แต่ไม่ใช่คนเยอรมัน และยังจำได้อีกเพียงบางสิ่งที่เกี่ยวหญิงที่เขาเชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น เขาจึงถูกเรียกว่า “คนไข้ชาวอังกฤษ” (ชื่อหนัง) ที่หน่วยพยาบาลนั้น เขาได้รับการดูแลจาก Hana พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศส-แคนเนเดี่ยน ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากทหารที่กำลังจะตายว่าคนรักของเธอที่ถูกส่งไปรบที่เดียวกับทหารคนนั้นถูกยิงตายไปแล้ว
หนึ่งในหนังสุดแสบของผู้กำกับสุดจี๊ดอย่าง Quentin Tarantino ซึ่งได้รับการยอมรับในวงกว้างแล้วเมื่อเขากำกับมาถึงหนังพีเรียดในบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ หนังเข้าชิงถึง 8 รางวัลออสการ์ (รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย) ซึ่งหนังตลกร้ายสุดบันเทิงสักเรื่องจะมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ชื่อชั้นและบารมีของผู้กำกับ Tarantino ส่วนของดีของตัวหนังเองก็คือ ทีมนักแสดงที่โชว์ฝีมือกันไม่ยั้ง หนึ่งในนั้นได้รางวัลออสการ์สมทบชายยอดเยี่ยมไปครองก็คือ Christoph Waltz
ในปี 1941 Col. Hans Landa นำทหารนาซีเข้าตรวจค้นฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่หลบภัยของชาวยิว เขาพบว่ามีครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงสั่งลูกน้องกราดยิงคนทั้งหมด มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีไปได้ 3 ปีต่อมา ชาวยิวรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม “แก๊งโคตรแสบ” นำโดยร้อยโท Aldo Raine เขารวมกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวออกแก้แค้นทหารนาซีอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะการใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะเพื่อเป็นการประจาน
ในเวลาเดียวกัน Shosanna เด็กหญิงที่รอดตาย เติบโตขึ้นและเปลี่ยนชื่อ เธอทำกิจการโรงภาพยนตร์อยู่ที่ปารีสและได้พบกับ Fredrick Zoller พลซุ่มยิงเยอรมันที่กลายเป็นวีรบุรุษสงคราม วีรกรรมของเขาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อและได้จัดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์มาที่โรงภาพยนตร์ของเธอเพื่อเป็นการโปรโมต โดย Adolf Hitler ผู้นำนาซีสูงสุดก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย เธอจึงวางแผนจะแก้แค้นนาซีที่พรากเธอจากครอบครัว ส่วนกลุ่มแก๊งโคตรแสบทราบข่าวการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษดังกล่าว ก็ได้วางแผนที่จะก่อวินาศกรรมในงานนี้ด้วย โดยความร่วมมือจาก Bridget von Hammersmark นักแสดงสาวชื่อดังชาวเยอรมัน เธอเป็นสายลับสองหน้าที่ช่วยพาแก๊งโคตรแสบเข้างาน
นอกจากจะเป็นหนังที่คว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 1993 ทำให้ Steven Spielberg คว้าออสการ์ตัวแรกในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และหนังเองก็คว้ารางวัลออสการ์ 7 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 12 สาขารางวัล ชนะรางวัลลูกโลกทองคำและบาฟตา ในสาขาใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมดในปีนั้น หนังยังถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในโลกที่พูดถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สมจริงและสร้างความสะเทือนใจมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน นี่คือหนังที่ Universal Studios ยอมควักเงิน 22 ล้านเหรียญฯ ทิ้งให้ Spielberg สร้าง เพราะคิดว่าหนังต้องเจ๊งแน่ที่คิดจะนำเสนอความหดหู่จากสงคราม แถมยังเป็นหนังขาวดำที่ยาว 3 ชั่วโมง ท้ายที่สุดหนังทำรายได้ทั่วโลกไป 322 ล้านเหรียญฯ
Schindler’s List เล่าเรื่องราวของ Oskar Schindler นักธุรกิจผู้มีวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจคนเป็นเลิศ เขามองเห็นช่องทางสร้างกำไรจากการสร้างโรงงานผลิตเครื่องเคลือบ ภาชนะสำคัญในการทำสงคราม โดยใช้ประโยชน์จากชาวยิวที่ถูกตีตราว่าเป็นแรงงานราคาถูก เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลิต ในช่วงแรกเขากระหายชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ ถึงขนาดภาวนาให้สงครามยืดเยื้อยาวนาน เพื่อให้ธุรกิจเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ต่อไปได้นานที่สุด เขายอมลงทุนจำนวนมากเพื่อติดสินบนนายทหารนาซีระดับสูง เพื่อให้ตัวเองผูกขาดแรงงานชาวยิวราคาถูกได้แต่เพียงผู้เดียว
หนังนำเสนอเรื่องตลอด 2 ชั่วโมงแบบภาพ Long-Take (ปลอม ๆ เพราะใช้การตัดต่อที่แนบเนียน) Deakins ใช้กล้อง Alexa Mini LF รุ่นใหม่ล่าสุดที่สนองตอบการถ่ายภาพที่ลื่นไหล ละเอียด และงดงามแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนจากกล้องตัวไหน หนังบอกเล่าเรื่องราวของทหารชั้นผู้น้อย 2 นายที่ติดอยู่กลางสนามรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1917 พวกเขาต้องนำจดหมายไปส่งให้ถึงนายพลเพื่อยับยั้งการเดินทัพเข้าไปติดกับดักของข้าศึก ระหว่างนั้นพวกเขาต้องผ่านพื้นที่น่าสะพรึง ภาพชวนเวทนา และสถาการณ์บีบคั้นต่าง ๆ มากมายจากสงคราม หนังได้ชื่อว่าเป็นหนังสงครามที่ให้ภาพสมจริงระดับเดียวกับ Saving Private Ryan (1997)
ผลงานของผู้กำกับและตากล้องตัวท็อปของวงการ ผู้กำกับก็คือ Sam Mendes ผู้ชนะรางวัลออสการ์จากหนัง American Beauty และกำกับหนัง 007 ที่ทำรายได้มากที่สุดอย่าง Skyfall ส่วนฝั่งผู้กำกับภาพวัย 70 อย่าง Roger Deakins นั้น ก็เคยร่วมงานกับ Mendes มาตั้งแต่ Skyfall รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์ที่ภาพสวยจับใจหลายเรื่องเช่น Blade Runner 2049, Sicario, In Time, True Grit และ No Country for Old Men หนังถูกวางตัวเป็นม้ามืดตัวเก็งออสการ์ แต่ก็พ่ายให้กับ Parasite คว้าไป 3 สาขาคือ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Deakins) วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม และผสมเสียงยอดเยี่ยม
หนังที่ได้ชื่อว่าถ่ายทำอย่างสมจริงและอลังการมากที่สุดเรื่องนึงของผู้กำกับจอมบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่าง Michael Bay แถมยังเป็นหนังเมโลดราม่าของรักสามเส้า (ที่อาจทำให้แฟน ๆ หนังผู้ชายสายบู๊ไม่ชอบหนังในจุดนี้) หนังเป็นเรื่องราวของสมรภูมิที่โด่งดังที่สุดของสหรัฐฯ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ ที่ตั้งของฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่ใกล้กับญี่ปุ่นที่สุดบนหมู่เกาะฮาวายโดยไม่ให้สหรัฐฯ ได้ตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 2,335 ราย บาดเจ็บ 1,143 คน
เรื่องราวของสองนักบินหนุ่มคนกล้า Rafe McCawley และ Danny Walker ซึ่งสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้อง พวกเขาได้รับการฝึกฝนให้ขับเครื่องบินกำจัดแมลงศัตรูพืช และในยามที่ชาติต้องการ พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมเป็นนักบินประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ Rafe McCawley หลงรัก Evelyn Johnson นางพยาบาลสาวสวยจิตใจห้าวหาญที่ทำงานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ด้วยความหาญกล้าเปี่ยมอุดมการณ์ เขาได้เข้าร่วมกองร้อยอินทรีบินร่วมรบในสมรภูมิรบอังกฤษทิ้งคนรักใหม่กับเพื่อนสนิทของเขาไว้เบื้องหลัง เครื่องบินของเขาถูกยิงตกกลางทะเล หน่วยเหนือประกาศการตายของเขา แต่เขากลับเอาชีวิตรอดมาได้ และใช้เวลารักษาตัวก่อนจะกลับมาที่เพิร์ลฮาเบอร์
หนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระดับขึ้นหิ้งในตำนานอีกเรื่องของโลกที่กำกับโดยพ่อมดแห่งฮอลลีวูด Steven Spielberg แม้จะชนะถึง 5 สาขารางวัลออสการ์ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนังที่ถูกปล้นออสการ์อย่างค้านสายตาที่สุดเรื่องหนึ่ง (หนังที่ชนะคือ Shakespeare in Love) ถึงอย่างไรก็ตามหนังก็ยังถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะฉากยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยสหรัฐฯ หักเอาฝ่ายอักษะอย่างเยอรมันลงได้จากการโจมตีในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และความยอดเยี่ยมของหนังก็เริ่มตั้งแต่ฉากสงครามบนหาดโอมาฮ่า ที่เห็นเนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือดอย่างสมจริง
ความสะเทือนใจย่อมมาคู่กับหนังสงครามอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ด้วยการผูกเรื่องของ Steven Spielberg และมือเขียนบท Robert Rodat ที่เริ่มต้นเรื่องมาก็เป็นการสูญเสียลูกชาย 3 จาก 4 คนไปในสงครามโลกครั้งนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้กลุ่มทหารที่นำโดย Captain Miller และพลทหารราว 10 คนต้องบุกเข้าไปกลางสนามรบเพื่อช่วยเหลือหรือยืนยันให้ได้ว่า พลทหาร Ryan คนสุดท้ายของครอบครัวนี้ยังอยู่หรือตายไปแล้ว หากจะเปรียบเทียบกันก็เหมือนว่าหน่วยเหนือจะเห็นคุณค่าของชีวิต Ryan มากกว่าชีวิตของกลุ่มพระเอกที่เหลือทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเสียสละชีวิตกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง
อิงจากเหตุการณ์อพยพที่ Dunkirk หรือยุทธการไดนาโมในสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นยุทธการสำคัญของฝ่ายอังกฤษในการช่วยชีวิตทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 330,000 นาย จากหาดและท่าเรือ Dunkirk ให้พ้นจากการปิดล้อมของฝ่ายเยอรมัน ”ความหวัง”ในสถานการณ์วิกฤตนี้ เมื่อทหารถูกล้อมกรอบ และถูกเครื่องบินข้าศึกบินมาโจมตี ซึ่งหนทางรอดเดียวมาจากชาวบ้านกับกองทัพช่วยกันนำเรือมารับ ทั้งเรือขนาดเล็กและเรือหาปลาออกสู่ทะเลใหญ่ ขับไปขับกลับซึ่งไม่ง่ายเลยเมื่อเทียบกับทหารนับแสนคน