Guardians of the Galaxy Vol.3 (2023) รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 ดูหนัง เหล่าผู้พิทักษ์อันเป็นที่รักของแฟนๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปีเตอร์ ควิลล์ ยังคงไม่หลุดพ้นจากเรื่องการสูญเสียกามอร่า เขายังคงทำหน้าที่อย่างดีในการนำทีมปกป้องจักรวาลรวมถึงปกป้องตัวพวกเขาเอง ภารกิจที่หากไม่ทำให้สำเร็จนั้นอาจจะนำไปสู่หายนะต่อพวกเขาได้ ในปี 2014 ผู้กำกับชื่อดัง “เจมส์ กันน์” ได้ทำหนังจากหนังสือการ์ตูนมาร์เวลคอมิกส์ เรื่อง Guardians of the Galaxy (ชื่อไทย รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล) โดยจับเอาตัวละครต่างสายพันธุ์ มาบอกเล่าเรื่องราวความเกรียน ความวายป่วง ทั้งที่ต้องออกผจญภัยเสี่ยงตายในอวกาศ
แต่กลับเกิดมิตรภาพของผองเพื่อน เชื่อมโยงกันราวกับเป็นครอบครัว ร่วมกันต่อสู้กับเหล่าวายร้าย จากทุนสร้างเพียง 195 ล้านดอลลาร์สามารถกวาดรายได้ไปถึง 773 ล้านดอลลาร์ในภาคแรก และในปี 2017 ก็ยังสานต่อเรื่องราวสุดเกรียนใน Guardians of the Galaxy Vol.2 ด้วยต้นทุนหนัง 200 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะกวาดเงินไปได้อีก 863 ล้านดอลลาร์ นับเป็นความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ หนังทำเหล่าดาราตัวละครถูกกล่าวถึงอย่างหนาหู มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร กลายเป็นขวัญใจคอหนังแนวแอคชั่นฮีโร่แบบไม่เคยมีมาก่อน
แต่แล้ว กระแสข่าวการทำหนังต่อภาค 3 ของ “เจมส์ กันน์” ต้องปิดตาย!!! หลังจากเขาถูกบริหารของ วอลต์ ดิสนีย์ ขวางทางไม่ให้เป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้อีก เนื่องจากไม่พอใจเรื่องราวในอดีตของผู้กำกับชื่อดัง ที่ไปทวิจเตอร์เกรียนในโลกออนไลน์ ท้ายที่สุด “เจมส์ กันน์” ได้พิสูจน์ฝีมือในการกำกับหนังของค่าย DC ที่อยู่ขั้วตรงข้ามผุดเอา เดอะ ซุยไซด์ สควอด (The Suicide Squad) หรือ “ทีมพลีชีพมหาวายร้าย” แอนตี้ฮีโร่ที่โชว์ความเกรียนความเก่า ไม่ต่างกับ Guardians of the Galaxy พร้อมซีรีส์ดัง “PEACEMAKER” ที่มีตัวเอกอย่าง จอห์น ซีนา ลงสตรีมมิ่ง จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วโลก สุดท้ายเขาก็ได้รับโอกาสให้กลับมาสานต่อเรื่องราวของ Guardians of the Galaxy Vol.3 นี้อีกครั้ง
เรื่องราวของผู้พิทักษ์จักรวาลที่กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่บนดาว Knowhere แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตในอดีตสุดปั่นป่วนของร็อคเก็ต ก็หวนกลับมาทำให้เกิดเรื่องอีกครั้ง ขณะเดียวกันปีเตอร์ ควิลล์ ที่แม้ว่าจะยังเสียใจกับการจากไปของกาโมร่า เขาจะต้องรวมทีมเหล่าสหาย กับภารกิจสุดท้าทายเพื่อช่วยชีวิตของร็อคเก็ต โดยภารกิจในครั้งนี้มีชีวิตของทุกคนเป็นเดิมพัน
เฟสที่ผ่านมามีภาพยนตร์และซีรีส์ของมาร์เวลถี่ขึ้นมาก แต่นับตั้งแต่ Avengers: End Game เป็นต้นมายังแทบไม่มีเรื่องไหนที่เข้าใกล้หัวใจได้เทียบเท่า Guardians of the Galaxy Vol. 3 รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 เหล่า ที่มีทั้งปมและประเด็นมากมายอัดแน่นอยู่ในเรื่องที่ทำให้เราทั้งคิดตามและเสียงน้ำตา ผสมอยู่กับความตลกและเพลงที่คุ้นหูซึ่งเป็นลายเซ็นของภาพยนตร์ชุดนี้ ร็อคเก็ต พระเอกตัวจริงของเรื่อง
ประเด็นสำคัญของภาคนี้คือเรื่องราวที่มาของร็อคเก็ตว่าทำไมแร็คคูนตัวนี้ถึงกลายเป็นแร็คคูนพูดได้อัจริยะ ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรื่องในการเล่า ด้วยวิธีการเล่าแบบสลับไปสลับมากับเหตุการณ์ปัจจุบันของเรื่องซึ่งทำให้ภาคนี้เป็นภาคของร็อคเก็ตอย่างแท้จริง เหมือนกับที่มีการพูดเรื่องเรื่องว่า ‘The story has been yours all along. You just didn’t know it.’หรือแปลได้ความว่า เรื่องราวนี้เป็นของเธอตลอดมา เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น’
ในเส้นเรื่องของร็อคเก็ตมีการถ่ายถอดประเด็นการทดลองในสัตว์ไว้ได้อย่างกระแทกใจชนิดไม่มีออมมือ เรียกว่าถ้าใครรักสัตว์อาจจะต้องระวังหัวใจเวลาดู ซึ่งเพิ่มคุณค่าของเรื่องได้อีกมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวที่ดึงให้ทุกอย่างมีโทรที่หม่นมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ภาคนี้มุขตลกดูจะไม่ได้เฉิดฉายเท่าภาคก่อน ๆ แต่ก็สะท้อนความตั้งใจของเจมส์ กันน์ ที่จะตั้งใจจะปิดเรื่องราวของร็อคเก็ตให้สวยงาม สมกับที่เขาตัดสินใจกลับมาทำงานกับมาร์เวลด้วยเหตุนี้นั่นเอง
มนุษย์ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของทุกอย่าง และการให้คุณค่าทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม หัวใจหลักของภาคนี้นอกจากประเด็นเรื่องการทดลองในสัตว์แล้วอีกประเด็นที่คล้ายจะวิพากย์วิจารณ์โลกสมัยใหม่ที่ทำตัวราวกับเป็นพระเจ้าผู้กำหนดชีวิตของสรรพสิ่ง ผ่านตัวละครไฮ อีโวลูชั่นนารี ที่ดูไปแล้วก็ชวนให้นึกถึงมนุษย์ที่ทดลองยา เครื่องสำอางค์ และอะไรอีกมากมายในสัตว์เพื่อสรรหาสิ่งที่ปลอดภัยแก่ตัว ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ตรงกับที่เราต้องการ ฝึกฝนให้สัตว์เลียนแบบคนเพื่อความบันเทิง และกำจัดทิ้งเมื่อดุร้ายเกินควบคุม เพื่อสร้างโลกในแบบที่เราต้องการ ไม่ต่างกับตัวร้ายในเรื่อง
อีกจุดหนึ่งที่ชวนให้นึกถึงพระคำภีร์คือฉากการช่วยเหลือสัตว์ทั้งมวลของร็อคเก็ตที่ทำให้นึกย้อนไปถึงเรือโนอาห์ การต่อสู้และอพยบหลาย ๆ ครั้ง ของซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายว่ามักจะโฟกัสที่การช่วยคนทั้งหมด แต่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ถูกลืมไว้ข้างหลัง ในขณะที่โลกที่สมบูรณ์ที่แท้จริงนั้น คือ โลกที่มีทั้งมนุษย์และสัตว์อยู่ร่วมกัน ดังเช่นเมื่อครั้งที่มีน้ำท่วมใหญ่ล้างโลก สิ่งที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ต่อไปได้ คือเรือโนอาห์ที่ไม่ได้มีเพียงมนุษย์แต่สัตว์ทั้งหลายในนั้นด้วยต่างหาก
ฉากแอ็คชั่นและเพลงที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง แน่นอนฉากแอ็คชั่นในเรื่องก็ไม่ได้ตกมาตรฐานของมาร์เวล และเพลงที่เป็นเหมือนหนึ่งในตัวเอกของภาพยนตร์ชุดนี้ก็ยังคงทำงานได้ดีอยู่เสมอ โดยเพลงที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องคือ Creep ของ Radiohead เวอร์ชั่นอะคูสติกที่ทั้งเซ็ตโทนที่หม่นหมองของเรื่อง และสะท้อนหัวใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี หากจะมีสิ่งที่น่าเสียดายอยู่บ้างในเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นตอนจบที่แม้จะดีแล้วแต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอิ่มเอมหรือรู้สึกถึงการปิดตัวบางอย่างเท่าที่ควร
อาจจะด้วยความที่ผู้ชมรู้อยู่แล้วว่าเราน่าจะได้เจอกับสมาชิกของแก๊งค์อีกในอนาคต แต่ถึงอย่างไร Guardians of the Galaxy Vol. 3 รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 ก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งของมาร์เวลด้วยประการทั้งปวงว่ากันว่า Guardians of the Galaxy Vol.3 เรื่องนี้มีตัวละครที่เป็นลูกรักของ “เจมส์ กันน์” อยู่นั่น ก็คือเจ้าแรคคูน “ร็อคเก็ต” ทั้งที่ตัวเขาผู้กำกับชื่อดังไปทำงานให้กับฝั่ง DC แต่ก็ยังอยากปิดฉากแก๊งเกรียนให้ค่าย Marvel ก่อน
ที่ผ่านมา “เจ้าแรกคูน” เป็นไม้ตายในการเอาชนะวายร้ายหลายครั้ง แต่กลับไม่มีเรื่องราวของเขาปรากฏเด่นชัด ดังนั้นในภาคนี้จึงถือเป็นภาคสุดท้ายที่ “เจมส์ กันน์” ต้องการเสนอเรื่องราวของลูกรัก พร้อมกับการปิดฉากแก๊งเกรียน เพื่อเอาใจคอหนังทั่วโลกและถึงแม้บทตัวละครภาคนี้ จะยังไว้ซึ่งความเกรียน…แบบไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความซาบซึ้งใจของมิตรภาพ มิติตัวละครจะมีความหลากหลาย แต่กลับมีชีวิตชีวาน่าสนใจ
ที่ต้องชมหนัก ๆ เลยก็คือ การใช้ CF ระดับคุณภาพ จนได้ฉากแอ๊คชั่นเดือด ๆ ชนิดแทบหยุดหายใจ ซีน Long Take สวย ๆ ในมุมมองที่แตกต่าง ไม่เว้นแม้แต่พาร์ทการเดินทางในอวกาศธรรมดา ก็ยังจับสีสันมาใส่ให้แปลกตา เรื่องนี้คอหนังสายฮา สายฮีโร่ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงคนที่ไม่เคยดูภาค 1-2 หรือ Avengers : Endgame มาก่อน รับประกันได้เลยว่าดูไม่ค่อยสนุกแน่นอน สมควรอย่างยิ่งที่ต้องทำการบ้านก่อนมาดู
พาร์ทหนังในส่วนของเรื่องของ “ร็อคเก็ต” ดูแล้วมีความหดหู่ใจหนักมาก! คนรักสัตว์ หรือ จิตใจอ่อนไหว คงไม่โอเคแน่นอน ท้ายที่สุดคงไม่พ้นปัญหาเดิม การขยี้ดราม่าให้น้ำตาไหล ยังมีความไม่สุดหลายช่วงตอน 5/5 กะโหลก หากจะบอกว่านี่คือหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วสนุกครบทุกรสชาติ แม้จะไม่ได้ถึงกับสมบูรณ์แบบเหมือน Avengers : Endgame แต่หากได้ดูแล้ว 1 รอบ ก็ยังอยากกลับไปดูใหม่อีกรอบอยู่ดี “เจมส์ กันน์” ได้ถ่ายทอดช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเอาไว้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หนังทั้ง 3 ภาค บรรลุจุดประสงค์ของคำว่า “…การมีเพื่อน…เป็นอะไรที่ดีจริงๆ…”